วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ทบทวนวรรณกรรม เขาพระวิหาร



ปราสาทเขาพระวิหาร 


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เขาพระวิหาร

ที่มา https://thipbadee.wordpress.com/เหตุการณ์ที่สำคัญ



       โบราณสถานที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังคงความสำคัญแก่โลก เนื่องจากว่าปราสาทเขาพระวิหารเป็นปราสาทที่จัดว่ามีประวัติศาสตร์มายาวนาน อีกทั้งเป็นปราสาทที่มีสถาปัตยกรรมงดงาม ด้วยเหตุนี้จึงถูกเสนอชื่อขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก ที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณามรดกโลกด้านวัฒนธรรม ที่กล่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆอันชาญฉลาดของมนุษย์ และเนื่องจากว่าปราสาทเขาพระวิหาร  ตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างของสองประเทศ นั่นคือ ฝั่งทางขึ้นบันไดจะอยู่ในพรมแดนของไทย แต่ตัวปราสาทอยู่ในพรมแดนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา แต่ในอดีตปราสาทแห่งนี้ ไทยและกัมพูชาใช้เป็นสมบัติของทั้งสองประเทศอยู่ร่วมกันอย่างปกติสุขไม่ได้มีข้อขัดแย้ง แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปทั้งสองประเทศเกิดกระแสความเป็นชาตินิยมต่างมีความคิดว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของตน ทำให้เกิดกระแสข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาที่ว่าด้วย ปราสาทแห่งนี้เป็นของไทยหรือกัมพูชา จึงมีการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลโลก เพราะไทยและกัมพูชาต่างไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาวิหารไม่ใช่ของตน ทำให้เห็นว่าเขาพระวิหารเมื่อขึ้นเป็นแหล่งมรดกโลกแล้วสถานที่แห่งนี้ย่อมสร้างประโยชน์และเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งจะสร้างมูลค่าให้กับประเทศนั้นๆอย่างมหาศาล รวมถึงความรักความหวงแหนในทรัพย์สมบัติของชาติเพราะเป็นสถานที่ที่ทำให้คนทั้งชาติระลึกเสมอว่า เป็นดินแดนของบรรพบุรุษที่ได้ต่อสู้เสียเลือดเสียเนื้อปกป้องมายาวนานและตกทอดสืบต่อกันมา จึงเกิดการทะเลาะและหาข้อยุติไม่ได้ส่งผลให้ต้องไปยุติเรื่องราวทั้งหมดที่ศาลโลก
            จากปรากฏการณ์ที่กล่าวไปข้างต้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้จัดทำเล็งเห็นถึงวัตถุประสงค์ของการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหารว่า นอกเหนือจากการที่ปราสาทเขาพระวิหารแห่งนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งมรดกโลกที่หลายๆคนให้ความสนใจ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก เหตุปัจจัยทั้งหมดทำให้ผู้จัดทำต้องการที่จะศึกษาประวัติความเป็นมาของปราสาทเขาพระวิหาร ลักษณะสถาปัตยกรรม รวมถึงต้องการศึกษาเบื้องลึกเบื้องหลังของปัญหาข้อพิพาทเขาพระวิหารระหว่างไทยและกัมพูชาที่มีมาตั้งแต่อดีต โดยทำการศึกษาผ่านการสืบค้นจากหลายแหล่งข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นจาก บทความ, หนังสือ และจากคลิปวิดีโอออนไลน์ ซึ่งงานศึกษาที่ทางผู้จัดทำค้นพบนั้น มีทั้งหมด 16 แหล่งข้อมูล ซึ่งเป็นข้อมูลที่หาได้จากหนังสือของห้องสมุดจำนวน 10 เล่ม,จากฐานข้อมูลงานวิจัย ( THAILIS ) จำนวน 2 บทความ และจากเว็บไซต์ต่างๆ เช่น YOUTUBE 4 วิดีโอ โดยผู้จัดทำได้แบ่งประเด็นของการศึกษาของการศึกษาออกเป็นดังต่อไปนี้ 1) บทนำ 2) งานที่ศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่างๆ 3) สรุปและข้อเสนอแนะ 4) เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ดอกไม้กรอบล่าง


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง  
ที่มา http://aseannotes.blogspot.com/2014/07/2_20.html



          จากการทบทวนวรรณกรรม ทางผู้จัดทำได้แยกออกเป็นประเด็นสำคัญทั้งหมด 5 ด้าน นั่นก็คือ ด้านประวัติศาสตร์ ด้านสถาปัตยกรรม ด้านการท่องเที่ยว ด้านคดีข้อพิพาท และด้านสารคดีที่ได้จากวิดีทัศน์ต่างๆ โดยจะขอยกตัวอย่างงานทบทวนเพียงด้านละ 1 เรื่องเท่านั้น 

งานทบทวนวรรณกรรมด้านประวัติศาสตร์

หนังสือจากสำนักหอมหาวิทยาลัยขอนแก่น 

(2550)          เขียนโดย ดร.ธิดา สาระยา : จากเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนอธิบายย้อนไปเมื่ออดีตว่า กษัตริย์ขอมหรือพระเจ้าชัยวรมันที่2 ได้แผ่อำนาจมายังบริเวณปราสาทแห่งนี้ และกษัตริย์ขอมในสมัยต่อมาก็คือพระเจ้าสุริยวรมันที่1 และสุริยวรมันที่2 ได้ทำการสร้างเทวาลัยบนยอดเขา โดยสร้างเป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่มีการวางผังอย่างดี อีกทั้งปราสาทเทวาลัยแห่งนี้ยังมีรูปแบบศิลปะสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะเฉพาะและมีความซับซ้อน โดยผู้เขียนมีการตั้งคำถามกับสิ่งที่กษัตริย์ขอมในอดีตทำไว้ ว่าทำไมถึงได้ให้ความสำคัญกับปราสาทพระวิหารมากขนาดนั้น
อีกทั้งผู้เขียนยังแสดงทัศนะเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหารอีกว่า ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นผลของการสร้างความสมานฉันท์ของคนต่างกลุ่ม ตั้งแต่ยังไม่มีพรมแดนของการแบ่งดินแดนเป็นประเทศดังนั้น  ปราสาทหินแห่งนี้ก็คือสถานที่ที่รวบรวมความเชื่อในคติเทวราชาแบบขอมให้เข้ากับความเชื่อของคนพื้นถิ่น และผสมผสานเข้ากับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู   
ผู้เขียนกล่าวอีกว่า ในอดีตปราสาทเขาพระวิหารคือที่ที่ทุกคนหลายๆชาติไปแสวงบุญ แต่น่าเสียดาย   ที่ปัจจุบัน คุณค่าของปราสาทเขาพระวิหารมักถูกประเมินด้วยค่าในแง่ด้านวัตถุ ค่าในแง่ด้านความเก่าแก่ของ  ศิลปะและสถาปัตยกรรม และการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น อีกทั้งยังมีข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาใน  เรื่องปราสาทพระวิหาร เป็นเรื่องเกี่ยวกับประเด็นในการถือสิทธิเพื่อครอบครองโบราณสถานแห่งนี้ แต่ไม่  ว่ากรณีข้อพิพาทจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ประเด็นในเรื่องบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของปราสาทหิน   แห่งนี้ถูกละเลย  ทั้งๆที่คนในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนเขมรต่างก็มองเขาพระวิหารว่าเป็น   สถานที่ศักดิ์สิทธิ ทำให้เราสามารถมองย้อนกลับไปในอดีตได้ว่า ในอดีตเมื่อครั้งที่ปราสาทเขาพระวิหาร   ยังคงเป็นสถานที่ประกอบในการประกอบพิธีกรรมของกษัตริย์ขอม เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนพื้นถิ่น     และเป็นสถานที่ที่ผู้คนสองฝากฝั่งสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ เนื่องด้วยพลังแห่งความศรัทธาที่พวกเขา  สองฝากฝั่งมีร่วมกัน  


งานทบทวนวรรณกรรมด้านสถาปัตยกรรม



หนังสือจากสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยขอนแก่น

(2551)  เขียนโดย โรม บุนนาค : จากเรื่อง เขาพระวิหารไทยเสียดินแดนครั้งสุดท้าย ผู้เขียนกล่าวว่า เขาพระวิหารเป็นปราสาทหินแบบขอม ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรักที่กั้นเขตแดนไทยกับกัมพูชา อยู่บริเวณพื้นที่ของบ้านภูมิชร็อล ต. เสาธงชัย  อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ  ส่วนพื้นที่ราบที่ต่ำจากหน้าผาลงไป เรียกกันว่า เขมรต่ำ เป็นพื้นที่ของอำเภอจอมกระสาน จ.กำปงธม ประเทศกัมพูชา ซึ่งในขณะนี้เปลี่ยนชื่อเป็น จ.เปรี๊ยะวิเฮียร์ ที่เป็นชื่อจริงๆของปราสาทเขาพระวิหารในภาษาเขมร โดยอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ตัวปราสาทนั้นสร้างอยู่บนลานหินต่างระดับ 4 ระดับ เรียงไปตามทางเดินจากเนินเขาด้านล่างไปจนถึงปลายสุดชะง่อนเขา  ซึ่งเป็นจุดสูงสุดยื่นเข้าไปในเขตกัมพูชา  จุดสูงสุดนี้มีความสูงอยู่จากระดับน้ำทะเล 657 เมตรและสูงจากพื้นที่ราบเขมรต่ำ 447 เมตร  ดังนั้น ผู้เขียนจึงชี้ให้เห็นว่า ด้วยลักษณะการสร้างของปราสาททำให้คนเขมรด้านล่างมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารเป็นเสมือนวิหารสวรรค์  ที่ลอยอยู่ในฟากฟ้า แต่ปราสาทพระวิหารไม่ได้เป็นปราสาทที่ใหญ่โตแบบนครวัด เล็กกว่าปราสาทหินพิมายด้วยซ้ำ อีกทั้งยังไม่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจหรือยุทธศาสตร์ แต่กลับมีความงามทางศิลปะและสถาปัตยกรรม
            จากการศึกษาประเด็นปราสาทพระวิหาร ในด้านสถาปัตยกรรม จะแสดงให้เห็นว่า ปราสาทพระวิหารเป็นเพียงปราสาทเล็กๆที่ไม่ได้มีความสำคัญทางเศรษฐกิจหรือทางยุทธศาสตร์การเมืองเลย แต่เป็นปราสาทที่คนเขมรยกย่องให้เป็นปราสาทที่สวยงามเหมือนปราสาทที่อยู่บนสรวงสรรค์  ถือได้ว่าเป็นปราสาทหินแบบขอมที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน และยังคงความงดงามอยู่จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

งานทบทวนวรรณกรรมด้านการท่องเที่ยว

         (2562)  เขียนโดย สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แหล่งเว็บไซต์นี้ชี้ให้เห็นว่า  เขาพระวิหาร ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอน้ำยืน กิ่งอำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี และอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา ถนนและบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารทางด้านบริเวณผามออีแดง ท้องที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จัดได้ว่าสะดวกที่ที่สุด   พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพระวิหาร ป่าฝั่งลำโดมใหญ่ ท้องที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี นครราชสีมา ซึ่งได้ทำการตกลงกับกรมป่าไม้ กำหนดพื้นที่ป่าไม้ชายแดนให้เป็นพื้นที่เพื่อการอนุรักษ์ ห้ามเข้าไปและอาศัยอยู่โดยเด็ดขาด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังคงความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่มาก มีทัศนียภาพที่สวยงาม ตลอดจนโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และได้ขอให้กรมป่าไม้กำหนดและประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติต่อไป
            ซึ่งผลจากการสำรวจเพื่อดำเนินการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติปรากฎว่า สภาพป่าของพื้นที่ป่าเป็นป่าเบญจพรรณ อยู่ในป่าโครงการไม้กระยาเลยป่าเขาพระวิหาร (ศก.7) ผ่านการทำไม้แล้ว กับอีกส่วนหนึ่งอยู่ในป่าโครงการไม้กระยาเลยป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ (อบ.2) มีทัศนียภาพและทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น จุดชมวิวผามออีแดง จุดชมวิวหน้าผาช่องโพย บริเวณป่าและสวนหินรอยสระตราว ถ้ำฤาษี แหล่งตัดหิน สถูปคู่ ภาพสลักนูนต่ำใต้ผามออีแดง น้ำตกผาช่องโพย จุดชมวิว ภูเซวี่ยงหม้อ ปราสาทโดนตวล และที่สำคัญอีกจุดหนึ่งคือ ปราสาทเขาพระวิหาร โบราณสถานสำคัญเก่าแก่ที่เคยเป็นกรณีพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ.2505 ซึ่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินให้ตกเป็นสมบัติของประเทศกัมพูชาแล้วโดยเด็ดขาดก็ตาม แต่ถนนและบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารนั้นอยู่ด้านพื้นที่ของประเทศไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องผ่านและอาศัยพื้นที่ทางขึ้นด้านบริเวณผามออีแดงที่จังหวัดศรีสะเกษ จัดว่าสะดวกที่สุด เพราะฉะนั้นการที่ชาวไทยหรือชนชาติต่างๆ ที่ต้องการเดินทางไปศึกษาหาความรู้และพักผ่อนหย่อนใจบนปราสาทเขาพระวิหาร จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับประเทศไทยแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยดอยจังหวัดศรีสะเกษได้ประสานงานตกลงกับจังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ในเรื่องการขอใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวของสถานที่บริเวณส่วนบนปราสาทเขาพระวิหารแห่งนี้ร่วมกัน  อุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน ตำบลโคกสะอาด กิ่งอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี และป่าเขาพระวิหารในท้องที่ตำบลเสาธงชัย ตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 115 ตอนที่ 14ก ลงวันที่ 20 มีนาคม 2541 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 83 ของประเทศ
            ซึ่งผลจากการสำรวจเพื่อดำเนินการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติปรากฎว่า สภาพป่าของพื้นที่ป่าเป็นป่าเบญจพรรณ อยู่ในป่าโครงการไม้กระยาเลยป่าเขาพระวิหาร (ศก.7) ผ่านการทำไม้แล้ว กับอีกส่วนหนึ่งอยู่ในป่าโครงการไม้กระยาเลยป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ (อบ.2) มีทัศนียภาพและทิวทัศน์ที่สวยงามอยู่หลายแห่ง อาทิเช่น จุดชมวิวผามออีแดง จุดชมวิวหน้าผาช่องโพย บริเวณป่าและสวนหินรอยสระตราว ถ้ำฤาษี แหล่งตัดหิน สถูปคู่ ภาพสลักนูนต่ำใต้ผามออีแดง น้ำตกผาช่องโพย จุดชมวิว ภูเซวี่ยงหม้อ ปราสาทโดนตวล และที่สำคัญอีกจุดหนึ่งคือ ปราสาทเขาพระวิหาร โบราณสถานสำคัญเก่าแก่ที่เคยเป็นกรณีพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ.2505 ซึ่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินให้ตกเป็นสมบัติของประเทศกัมพูชาแล้วโดยเด็ดขาดก็ตาม แต่ถนนและบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารนั้นอยู่ด้านพื้นที่ของประเทศไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องผ่านและอาศัยพื้นที่ทางขึ้นด้านบริเวณผามออีแดงที่จังหวัดศรีสะเกษ จัดว่าสะดวกที่สุด เพราะฉะนั้นการที่ชาวไทยหรือชนชาติต่างๆ ที่ต้องการเดินทางไปศึกษาหาความรู้และพักผ่อนหย่อนใจบนปราสาทเขาพระวิหาร จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับประเทศไทยแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยดอยจังหวัดศรีสะเกษได้ประสานงานตกลงกับจังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ในเรื่องการขอใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวของสถานที่บริเวณส่วนบนปราสาทเขาพระวิหารแห่งนี้ร่วมกัน  อุทยานแห่งชาติ เขาพระวิหาร ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน ตำบลโคกสะอาด กิ่งอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี และป่าเขาพระวิหารในท้องที่ตำบลเสาธงชัย ตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 115 ตอนที่ 14ก ลงวันที่ 20 มีนาคม 2541 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 83 ของประเทศ            จะเห็นได้ว่า เว็บไซต์นี้มีการอธิบายเกี่ยวกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งของปราสาทเขาพระวิหารพอสังเขป อีกทั้งได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะป่าโดยรอบของพื้นที่เขาพระวิหารว่าเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าเบญจพรรณ นอกจากตัวปราสาทจะมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว บริเวณโดยรอบปราสาทยังมีจุดชมวิวที่สวยงาม ด้วยเหตุนี้ปราสาทเขาพระวิหารไม่เพียงเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งทัศนศึกษา แหล่งศึกษาเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ที่สามารถเป็นแหล่งข้อมูลให้กับนักวิจัย นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการศึกษาแหล่งโบราณสถานแห่งนี้

งานทบทวนวรรณกรรมด้านข้อพิพาท


หนังสือจากสำนักหอสมุดมหาวิทยาบัยขอนแก่น

(2554) เขียนโดย กองบรรณาธิการ ASTV  : จากเรื่อง  ดื้อตาใสทำไทยเสียดินแดน  หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนใช้ภาษาในการเขียนที่ค่อนข้างตรงและแรงเนื่องด้วย ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า การสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารให้แก่ราชอาณาจักรกัมพูชาตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ถือเป็นประวัติศาสตร์แห่งความเจ็บช้ำที่ยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวใจของคนไทยที่รักชาติมาอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากผู้เขียนอธิบายว่า คำพิพากษาของศาลโลกครั้งนั้นเป็นเสมือนการปล้นแผ่นดินของราชอาณาจักรไทยไปยกให้กับกัมพูชาอย่างหน้าด้านๆ โดยเหตุที่ผู้เขียนกล่าวเช่นนั้น เป็นผลมาจากการที่คำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่ได้ใช้หลักทางภูมิศาสตร์หรือเส้นสันปันน้ำ อย่างที่นานาอารยประเทศใช้เป็นสำคัญ  เพราะถ้าหากยึดสันปันน้ำเป็นหลักแล้ว ปราสาทพระวิหารย่อมตกเป็นของไทย แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของเจ้าอาณานิคมของฝรั่งเศสที่วางเอาไว้ ทำให้ไทยต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างไม่น่าเกิดขึ้น

งานทบทวนวรรณกรรมจากสื่อสารคดีที่ได้จากการรับชมวิดีทัศน์

(2558)  เผยแพร่โดยช่อง Thai PBS : จากวีดีทัศน์เรื่อง ชาวบ้านศรีสะเกษวอนเปิดจุดผ่อนปรนทางขึ้นชมปราสาทพระวิหารฝั่งไทย หวังกระตุ้นค้าขายกลับมาคึกคัก  ได้ข้อมูลในเชิงการท่องเที่ยว และการพัฒนาเศรษฐกิจว่า กัมพูชาอนุญาตให้คนไทยขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร โดยถึงแม้ว่าคนไทยจะต้องไปขึ้นทางฝั่งกัมพูชา เหตุนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ เพราะกว่า 6 ปีที่กัมพูชาไม่อนุญาตให้ชาวไทยขึ้นไปบนปราสาทพระวิหารจากกรณีพิพาทเรื่องเขตแดน ทำให้ประชาชนชาวศรีสะเกษที่ทำการค้าบริเวณผามออีแดง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ มองว่า หากมีการปิดประตูฝั่งทางขึ้นไปเขาพระวิหารบริเวณฝั่งไทย การค้าเศรษฐกิจบริเวณนี้จะต้องซบเซา ไม่มีรายได้เพิ่ม เพราะในอดีต พวกเขาเหล่านี้มีรายได้จากการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทั้งไทยและกัมพูชาสามารถเดินทางไปมาหาสู่ ทำการค้าระหว่างบริเวณพรมแดนกันได้ แต่เมื่อมีการปิดประตูทางเข้า ไม่ให้ไทยเยี่ยมชมปราสาทพระวิหาร จำนวนนักท่องเที่ยวก็ลดลง จึงทำให้ประชาชนบริเวณนั้นเดือดร้อน จึงอยากให้มีการเปิดประตูทางขึ้นพระวิหารฝั่งไทยเพื่อให้การท่องเที่ยวและการค้าขายชายแดนกลับมาคึกคักอีกครั้ง


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง



   สุดท้ายนี้จากการทบทวนวรรณกรรมเรื่อง ปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งได้ทำการค้นคว้าทั้งหมดจาก 16 แหล่งข้อมูลโดยแบ่งเป็นประเด็น 5 ประเด็นนั่นคือ ด้านประวัติศาสตร์ ด้านสถาปัตยกรรม ด้านการท่องเที่ยว ด้านกรณีข้อพิพาท และสารคดีจากการรับชมวิดิทัศน์ ซึ่งจากการศึกษาประเด็นที่ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษคือด้านข้อพาท เนื่องจากปราสาทเขาพระวิหารเป็นปราสาทที่หลายๆประเทศให้ความสนใจ และเป็นปัญหาระดับโลกที่มีหลายๆฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงทำให้ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่หลายๆคนให้ความสนใจและนิยมทำการศึกษาเพื่อพยายามทำความเข้าใจต่อเหตุการณ์ข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างความขัดแย้งของไทยและกัมพูชา โดยจากการทบทวนวรรณกรรม แสดงให้เห็นว่า ปราสาทพระวิหารนอกจากจะเป็นปราสาทที่สวยงาม มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ยังเป็นปราสาทที่ทิ้งร่องลอยบาดแผลของการต่อสู้ภายในใจของคนไทย เนื่องจากดินแดนนี้เคยเป็นของไทยมาก่อน แต่ต้องมาเสียให้กับกัมพูชาด้วยการพิจารณาที่ไทยมองว่า ไม่โปร่งใส เหตุการณ์ต่างๆในอดีตที่ผ่านมา ไทยเองไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ และในอดีตไทยเองก็ไม่ได้โต้แย้งรึมีการแก้ไขปัญหาเส้นเขตแดนที่ทำกับฝรั่งเศส ทำให้เท่ากับว่า ไทยยอมรับข้อตกลงทุกอย่าง เหตุนี้เองที่ทำให้ไทยเสียเปรียบและไม่สามารถต่อสู้ในชั้นศาลได้ จนกลายมาเป็นปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาในที่สุด

แหล่งอ้างอิง


ดร.ธิดา  สาระยา.  ปราสาทเขาพระวิหาร.  พิมพ์ครั้งที่ 4.  กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทราการพิมพ์ , 2552

โรม บุนนาค.  เขาพระวิหารไทยเสียดินแดนครั้งสุดท้าย.  พิมพ์ครั้งที่ 1.  สำนักพิมพ์สยามบันทึก : บริษัท        สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย , 2551 


          กองบรรณาธิการ ASTV.  ดื้อตาใสทำไทยเสียดินแดน.  พิมพ์ครั้งที่ 1.  กรุงเทพมหานคร : บริษัทกันต์รพี  กรุ๊ป จำกัด , 2554

       Thai PBS. (2558). ชาวบ้านศรีสะเกษวอนเปิดจุดผ่อนปรนทางขึ้นชมปราสาทพระวิหารฝั่งไทย หวังกระตุ้นค้าขายกลับมาคึกคัก. สืบค้นจาก https://www.youtube.com/watch?v=JX8zIJP6P5Y. (ออนไลน์). วันที่ 13 พ.ย. 2562


พระธาตุอิงฮัง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองชาวสะหวันนะเขต

  💕 พระธาตุอิงฮัง แขวงสะหวันนะเขต ประเทศลาว 💕 https://www.nairobroo.com/            💖 พระธาตุอิงฮัง 💖  คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง...