💓 สถานที่ก่อเกิดพุทธศาสนาในเวียดนาม 💓
วัดเยิวเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ซึ่งตั้งอยู่ตำบลทันเคือง อำเภอถ่วนแถ่ง จังหวัดบั๊กนิงที่อยู่ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 30 กิโลเมตร และได้ถูกจัดว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่เป็นแหล่งก่อเกิดพุทธศาสนาในเวียดนามเมื่อครั้งอดีตอีกด้วย
💗 หนังสือบันทึกทางประวัติศาสตร์ของเวียดนาม ระบุไว้ว่า วัดแห่งนี้ได้ก่อสร้างเมื่อปี 187 และเสร็จสิ้นเมื่อปี 226 บริเวณพื้นที่กำแพงลิวเลวเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาแห่งแรกนเวียดนาม และเก่าแก่ที่สุดในเวียดนามที่มีประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับพุทธศาสนา
ศาสตราจารย์เจิ่นเลิมเบี่ยน เขาคือนักศึกษาวิจัยของสภามรดกเวียดนามเผยว่า วัดเยิวมีความพิเศษ เพราะหากได้รู้และทำการศึกษาเกี่ยวกับวัดแห่งนี้อย่างถ่องแท้ก็จะสามารถเข้าใจประวัติศาสต์ของประเทศเวียดนามได้ โดยได้อ้างประวัติแห่งนี้ว่า " เมื่อก่อนบริเวณที่ตั้งตรงนี้คือเขตรอยต่อระหว่างที่ราบสูงและที่ราบลุ่ม เนื่องจากชาวเวียดนามสมัยโบราณได้อพยพย้ายถิ่นฐานจากพื้นที่ป่าเขาลงมาอาศัยบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำ เพราะชาวเวียมนามสมัยก่อนต้องอาศัยน้ำฝนในการจัดทำพิธีบวงสรวงต่างๆ และเอาไว้เพื่อดำรงชีวิต จึงมีพิธีบวงสรวงขอฝนให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล สาเหตุนี้เองที่ทำให้ชาวเวียดนามมีความศรัทธาเลื่อมใสต่อการขอฝนและการขอพรเทพเจ้าต่างๆ ที่เกี่ยวกับฝน ชาวบ้านจึงเริ่มทำกันต่อๆมาจนเป็นพิธีเพื่อต้องการให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข และเก็บเกี่ยวผลผลิตต่างๆได้ตามฤดูกาลและนี่คือสาเหตุขอการก่อตั้งวัดในบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองรวมทั้งวัดเยิวด้วย "
ปัจจุบันวัดเยิวแห่งนี้ได้รับการก่อสร้างและบูรณะใหม่เนื่องจากเป็นวัดเก่า บางอย่างย่อมโทรมไปตามกาลเวลา โดยทำการปฏิสังขรตามสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์เลตั้งแต่ศตวรรษที่ 17-18 ภายในตัววัดเยิวนั้นมีโบสถ์หลายแห่ง เช่น บางโบสถ์ก็จะมีการประดิษฐานพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึงมีสิ่งที่น่าสนใจก็คือ เจดีย์ใหญ่หว่าฟอง มีลักษณะเด่นคือ สูงสง่าก่อสร้างด้วยอิฐก้อนใหญ่ เดิมทีเจดีย์หว่าฟองมีทั้งหมด 9 ชั้นแต่ทรุดโทรมตามกาลเวลาตอนนี้จึงเหลือให้รับชมเพียงแค่ 3 ชั้น สมัยนั้นที่สร้างสูงถึง9 ชั้น เนื่องจากชาวเวียดนามนับถือฝน การสร้างให้สูงเสียดฟ้าถือเป็นการถวายเทพเจ้าฝนและเพื่อขอฝนให้ตกตามฤดูกาลนั่นเอง
เจดีย์หว่าฟอง มีความหมายในทางพุทธศาสนาว่า การไม่แบ่งแยกชนชั้นฐานะ โดยภายในจะมีรูปปั้นพระที่ประดิษฐานสูงประมาณ 2 เมตร อยู่ตรงกลางของโบสถ์หน้าตาสวยมาก จนสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม เพราะมีลักษณะคล้ายนางรำของอินเดีย นั่นก็คือรูปนางเยิว เทพเจ้าฟาบเวินและฟาบหวู หรือที่รู้จักกันในนามเทพเจ้าแห่งเมฆ
จึงถือได้ว่า วัดเก่าแก่แห่งนี้ของชาวเวียดนามได้ฝังความเลื่อมใสศรัทธาให้แก่ผู้คนที่นั่น จึงนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของทางเวียดนามเหนือ และได้รับการรับรองเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมระดับชาติจากกระทรวงวัฒนธรรม
นอกจากนี้ยังทำให้ทราบว่าอีกว่า วัดเยิวยังเป็นสถานที่ที่หนึ่งที่สะท้อนความศรัทธาของชาวเวียดนามกับพระพุทธศาสนาได้อย่างกลมกลืน เพราะมีการบูชาพระพุทธรูป เจ้าแม่กวนอิม พระอรหันต์และยังมีการเก็บรักษาสิ่งของวัตถุโบราณที่มีค่าเอาไว้ เช่นมีการเก็บแม่พิมพ์ไม้เกี่ยวกับเทพเจ้าแห่งเมฆ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1752 ต่อมาเมื่อปี 2013 วัดเยิวได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกพิเศษของชาติ นายเจิ่น ดิ่งห์ เหลียน รองนายกสมาคมประวัติศาสตร์ ได้ออกมาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับคุณค่าของสถานที่แห่งนี้ว่า เราควรที่จะรับรู้ถึงความเป็นมาและควรช่วยกันอนุรักษ์สถานที่ทางศาสนาของชาติเอาไว้
ซึ่งถึงแม้ระยะเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน วัดเยิวแห่งนี้ก็ยังถือได้ว่าเป็นจุดสำคัญของพุทธศาสนาที่จะมีนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม และชาวต่างชาติมากราบไหว้ นมัสการ เพื่อเป็นการระลึกถึงการกลับสู่ผืนดินแห่งพุทธศาสนา และเพื่อศึกษาค้นคว้าศิลปะสถาปัตยกรรมทีมีความโดfเด่นที่มีประวัติศาสตร์น่าจดจำ จนต่อมาวัดแห่งนี้ได้มีงานเทศกาลเพื่อขอฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล และเพื่อให้เกษตรกรสามารถเก็บกี่ยวผลผลิตได้อย่างเต็มที่ โดยมีกิจกรรมต่างๆมากมายในเทศกาลวัดเยิวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว มีพระภิกษุสามเณร พุทธศาสนิกชนทั้งหลายมาร่วมเป็นจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นเทศกาลทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดของเขตที่ราบแม่น้ำแดงทางภาคเหนือของเวียดนามนั่นเอง
แหล่งที่มา
💚 VOV5.VN สถานีวิทยุแห่งเวียดนามส่วนกระจายเสียงต่างประเทศแห่งชาติ.วัดเยิว ความภูมิใจของชาวกรุงกิง บั๊ก.จาก https://vovworld.vn/.(ออนไลน์).สืบค้น 24 สิงหาคม 2563
💙 VOV5.VNสถานีวิทยุแห่งเวียดนามส่วนกระจายเสียงต่างประเทศแห่งชาติ.วัดเก่าแก่ทีสุดของเวียดนาม.จาก https://vovworld.vn/th-TH/.(ออนไลน์).สืบค้น 24 สิงหาคม 2563
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น